เมื่อ E-mail โดนแฮก
ในปัจจุบันอีเมลนับเป็นช่องทางการติดต่อที่มีความสําคัญมากช่องทางหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการ ติดต่อทางธุรกิจหรือจะใช้ในเรื่องส่วนตัว
และก็เป็นช่องทางที่แฮกเกอร์นิยมโจมตีด้วยเช่นกัน บทความนี้
จะแนะนําขั้นตอนว่าต้องทาอย่างไรบ้างเมื่ออีเมลโดนแฮก เริ่มต้นด้วย
ขั้นตอนที่ 1 เปลี่ยนรหัสผ่าน
สิ่งแรกที่ควรทําหลังจากที่คุณสามารถกลับเข้าใช้อีเมลของคุณได้อีกครั้งก็คือ
“เปลี่ยนรหัสผ่าน” เพื่อ
ป้องกันไม่ให้แฮกเกอร์เข้ามาได้อีกครั้ง
โดยเปลี่ยนให้รหัสผ่านมีการคาดเดาที่ยากขึ้น และต้องไม่ เกี่ยวข้องกับรหัสผ่านอันเก่า
(ไม่ใช้รหัสผ่านเดิม แต่เพิ่มแค่ตัวเลข) ลองใช้ประโยคที่มีความหมายเช่น “Today
I will back home at 7:00” แทนที่คํา เป็น “TIwbh@7:00” โดยให้รหัสผ่านของคุณนั้นมีทั้ง ตัวพิมพ์ใหญ่ตัวพิมพ์เล็กและตัวเลข
ขั้นตอนที่ 2 กู้คืนบัญชีของคุณ
ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าใช้อีเมลได้เลย
(โดนแฮกเกอร์เปลี่ยน Password ไปแล้ว) จําเป็นจะต้องกู้คืน
บัญชีผู้ใช้อีเมลของคุณโดยเลือกคลิกไปที่ “ลืมรหัสผ่าน”
ในหน้าจอการเข้าระบบ หรือใช้อีเมลสํารองเพื่อ
กู้คืนบัญชีโดยคุณต้องตอบคําถามที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยให้ถูกต้องที่สุด
เพื่อยืนยันว่าคุณเป็น เจ้าของบัญชีผู้ใช้นี้จริงๆ สําหรับขั้นตอนในแต่ละ Email
Provider จะแตกต่างกันไป สามารถเข้าดู
รายละเอียดในแต่ละผู้ให้บริการ ตั้งค่าให้อีเมลของคุณให้มีการยืนยันตัวตน
นอกจากการใช้ Password เพียงอย่างเดียว
วิธีการยืนยันตัวตนแบบสองระดับจะทําให้เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณล็อกอินเข้าใช้อีเมล์จาก
เครื่องที่ไม่เคยเข้าใช้มาก่อน จะต้องใส่ Password และจากนั้นต้องใส่ข้อความที่ได้รับจากโทรศัพท์มือถือ
หรือ Application ด้วยอีกขั้นตอนหนึ่ง
ขั้นตอนที่ 3
ตรวจสอบการตั้งค่าอีเมลของคุณ
ตรวจสอบการตั้งค่าอีเมลว่ามีการตั้งค่าให้ส่งต่ออีเมลไปที่อื่นนอกจากที่คุณตั้งไว้หรือไม่
เพราะบางครั้ง
แฮกเกอร์อาจเข้ามาแก้ไขให้ส่งต่ออีเมลที่คุณได้รับไปยังอีเมลของแฮกเกอร์และต้องตรวจสอบ
Email
Signature ที่คุณตั้งไว้ในระบบ ว่ามีการใส่ URL แปลกๆ ของ Hacker หรือเปล่า และดูว่ามีการตั้งค่าให้
อีเมลมีการช่วยตอบกลับอัตโนมัติหรือไม่ ไม่เช่นนั้น Hacker ก็จะเปลี่ยนระบบ
ตอบกลับอัตโนมัติให้ กลายเป็นเครื่องส่ง Spam ชั้นดีนั่นเอง
ขั้นตอนที่ 4
สแกนมัลแวร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
สแกนไวรัสแบบเต็มรูปแบบด้วย โปรแกรม Anti-Malware ถ้ายังไม่มีแนะนําให้ใช้โปรแกรม
Malwarebytes (หรือในกรณีที่มีอยู่แล้ว
ก็ยังแนะนําให้ลองใช้โปรแกรม Malwarebytes สแกนใหม่อีก
ครั้ง) และเมื่อสแกนและพบว่ามีมัลแวร์อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
แนะนําให้กลับไปแก้ไข Password ตามข้อที่ 1 อีกครั้ง
ขั้นตอนที่ 5
หาสิ่งอื่นที่ได้รับการโจมตี
ผู้ใช้บางคนอาจจะเก็บรหัสผ่านโดยส่งอีเมล์รหัสผ่านของตัวเองสําหรับเว็บอื่นๆ
เข้าอีเมลของตัวเอง (อาจจะใช้วิธีตั้ง Label ใน Gmail)
ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ควรทําแต่ทําไปแล้ว
แฮกเกอร์อาจค้นหารหัสผ่านเหล่านี้ที่คุณบันทึกไว้ดังนั้นเพื่อความ
ปลอดภัยควรเปลี่ยนรหัสผ่านในทุกบัญชีผู้ใช้ของคุณนี้ทันทีเพราะบาง
ทีแฮกเกอร์อาจพยายามเข้าสู่ ระบบอื่นๆ ของคุณจากข้อมูลที่คุณบันทึกไว้
ขั้นตอนที่ 6
แจ้งเพื่อนในรายชื่อผู้ติดต่ออีเมลว่าโดนแฮก
แจ้งรายชื่อผู้ติดต่อของคุณให้รู้ว่าอีเมลของคุณถูกแฮก
และไม่ควรเปิดอีเมลที่น่าสงสัยหรือคลิกลิงก์ แปลกๆในอีเมล ที่เพิ่งได้รับจากคุณ
ถึงแม้เพื่อนส่วนใหญ่จะรู้อยู่แล้วว่าคนส่วนใหญ่อาจรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ คุณแน่ๆ
ที่จะแนะนําให้พวกเขาซื้อไวอากร้าจากร้านขายยาออนไลน์ในอินเดีย แต่บางคนอาจคิดเราจึง
ควรบอกเพื่อไม่ให้เค้าหลงเชื่อ
ขั้นตอนที่ 7 ป้องกันไม่ให้โดนแฮกอีก
ที่ผ่านมาแล้วนั้นให้แล้วไป เมื่อแก้ไขตามขั้นตอนแล้ว
เราควรระวังเรื่องที่จะเกิดในอนาคต เพื่อไม่ให้โดน แฮกอีก
สิ่งที่สําคัญก็คือควรระมัดระวังการใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะเสมอ คิดก่อนใช้เพราะเราไม่มีทางรู้
เลยว่าก่อนหน้านี้มีโปรแกรมอะไรติดตั้งมาเพื่อดักข้อมูลรหัสผ่านเราหรือเปล่า
และที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ ฟรี Wi-Fi ที่ไม่น่าเชื่อถือ หลักๆ
เพื่อป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์ควรใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก หมั่น
สแกนไวรัสและอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสและแม้กระทั่งซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ของคุณสม่ำเสมอ
เพื่อป้องกัน ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น